Review : LG Viewty Smart GC900 กล้องคอมแพกต์ในรูปทัชโฟน
"LG Viewty Smart GC900" ยังคงมาพร้อมอินเตอร์เฟส "S-Class" แบบเดียวกับ "LG Arena" ทำให้ฟังก์ชันภายในที่ใส่เข้ามาแทบจะไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก ซึ่งจุดเด่นหลักของรุ่นนี้ คือ เรื่องของกล้องดิจิตอล ที่มีการเพิ่มความละเอียดไปสู่ระดับ 8 ล้านพิกเซล ลูกเล่นฟังก์ชันที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาเล็กน้อย รวมถึงได้มีการปรับปรุงให้สามารถใช้งานได้ไหลลื่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยด้วย
Feature on LG Viewty Smart GC900
LG Viewty Smart ใช้ยูสเซอร์อินเตอร์เฟส "S-Class" เหมือนกับที่ใช้ในแอลจีรุ่นอารีนา โดยอินเตอร์เฟสนี้ยังคงเป็นโครงสร้างแบบ 3 มิติ ที่มีการออกแบบเมนูทรงลูกบาศก์(Cube) สามารถใช้ปลายนิ้วสัมผัสเพื่อหมุนเลือกใช้งาน(ลากนิ้วไปมาซ้าย-ขวา) รวมถึงยังสามารถจัดการเมนูต่างๆ ได้อย่างอิสระจากทั้ง 4 ด้านด้วย
เมนูต่างๆที่บรรจุอยู่บนรูปทรงลูกบาศก์ทั้ง 4 ด้าน จะอยู่บนหน้าจอหลักที่เรียกว่า"โฮมสกรีน(Homescreen)" ซึ่งทั้ง 4 ด้านประกอบไปด้วย ช็อตคัท(Shortcut), วิตเจ็ต(Widget), รายชื่อ(Contacts) และมัลติมีเดีย(Multimedia) ส่วนแถบด้านล่างสุดเป็นไอคอนการใช้งานให้เลือกใช้ 4 ไอคอน ประกอบไปด้วย ไอคอนรูปโทรศัพท์ เป็นไอคอนเข้าสู่โหมดโทรออก, ไอคอนรูปคน เป็นไอคอนเข้าสู่รายชื่อ, ไอคอนรูปซองจดหมาย เป็นไอคอนเข้าสู่เมนูข้อความ และสุดท้ายเป็นไอคอนเมนูรวม
***หมายเหตุ สามารถย้อนกลับไปดูวิธีการใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ที่นี่
ส่วนการใช้งานฟังก์ชันมัลติทาสกิ้ง(Multi-Tasking) ยังคงมีหลักการเหมือนเดิมทุกประการ โดยเมื่อกดปุ่มมัลติทาสกิ้ง(ข้างเครื่องฝั่งซ้าย)ค้างไว้ เครื่องจะเข้าสู่โหมด"มัลติทาสกิง" ซึ่งโหมดนี้มีไว้เพื่อรองรับการทำงานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน โดยมีโปรแกรมให้เลือกใช้งานอยู่ทั้งหมด 9 โปรแกรมด้วยกัน ได้แก่ รายชื่อ, เบราว์เซอร์, ข้อความ, เกมส์, อีเมล์, เพลง, วิทยุ FM, ปฏิทิน และบันทึก ไม่สามารถเพิ่ม-ลดโปรแกรมได้ แต่สามาถย้ายสลับตำแหน่งโปรแกรมได้ โดยการกดค้างที่โปรแกรมนั้นแล้วลากไปยังตำแหน่งใหม่ที่ต้องการ
หลังลองใช้งานฟังก์ชันนี้พบว่า รูปแบบการใช้งานยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นอารีนาแม้แต่น้อย ซึ่งกล่าวได้ว่าฟังก์ชันนี้ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยยังคงไม่มีการปรับปรุงให้สามารถรองรับการเปิดใช้โปรแกรมพร้อมกันได้มากกว่า 2 โปรแกรม ดังนั้นถ้าหากผู้ใช้งานต้องการใช้งานโปแกรมอื่นหลังจากเปิดไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 โปรแกรม ผู้ใช้งานต้องปิดโปรแกรมที่ค้างอยู่ทั้งหมดก่อน ด้วยการเลือก หยุดทั้งหมด(End all) ทางด้านล่าง จึงจะสามารถเปิดโปรแกรมอื่นๆต่อไปได้
***หมายเหตุ สามารถย้อนกลับไปดูวิธีการใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ที่นี่
ถัดมาไปดูที่ "เมนู" ของ 'Viewty Smart' กันบ้าง ซึ่งยังเป็นแหล่งรวมของบรรดาเมนูต่างๆ รวมถึงการปรับตั้งค่าต่างๆของเครื่องด้วย โดยเมื่อกดเข้ามาในหน้าเมนู(เลือกไอคอนแถบด้านล่างขวาสุดตามที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น) เมนูต่างๆจะถูกแยกออกเป็น 4 หมวดหลัก สามารถแสดงผลเมนูได้ 2 แบบคือ แบบ"แนวตั้ง" ที่แบ่งแยกหมวดหมู่อย่างชัดเจน เลื่อนหาเมนูย่อยต่างๆโดยการใช้นิ้วเลื่อนไปมาซ้าย-ขวา กับแบบ"แนวนอน" จะเป็นการแสดงผลแบบรวมทุกโปรแกรม ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบ สามารถย้ายไอคอนเมนูย่อยได้ โดยการกดที่ไอคอนที่ต้องการค้างไว้ แล้วลากไปยังตำแหน่งใหม่ที่ต้องการ
เมนู 4 หมวดหลัก ประกอบไปด้วย 1. หมวดการติดต่อ ภายในหมวดนี้มีหมวดย่อยต่างๆ 8 หมวดย่อยได้แก่ รายชื่อ, ข้อมูลโทร, เบราว์เซอร์, ข้อความ, อีเมล์, โทรออก, โทรวิดีโอ และGoogle 2. หมวดมัลติมีเดีย ภายในหมวดนี้มีหมวดย่อยต่างๆอีก 8 หมวดย่อยได้แก่ เพลง, กล้อง, กล้องวิดีโอ, คลังภาพ, แฟ้ม, เกมส์, วิทยุ FM และสร้างหนัง
3. หมวดยูทิลิตี มีเมนูย่อยอีก 8 เมนูย่อย ได้แก่ ตั้งปลุก, ปฏิทิน, บันทึก, จับเวลา, บันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข, เวลาโลก และเครื่องมือ สุดท้ายหมวดตั้งค่า มีเมนูย่อยที่ช่วยในการปรับค่าต่างๆอีก 8 เมนูย่อย ได้แก่ โปรไฟล์, หน้าจอ, โทรศัพท์, บลูทูธ, WiFi, การโทร, เชื่อมต่อ และข้อความ
Camera
หลังจากทำความรู้จักลูกเล่นหน้าตาไปหอมปากหอมคอแล้ว คราวนี้ไปดูฟีเจอร์เด่นประจำเครื่องนี้กันบ้าง ซึ่งคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก "กล้องดิจิตอล" ที่ให้ความละเอียดมาใช้งานระดับ 8 ล้านพิกเซล มีระบบออโต้โฟกัสพร้อมแฟลชแบบ LED มาในตัว รุ่นนี้ยังคงใช้เลนส์คุณภาพสูงยี่ห้อ "Schneider KREUZNACH" จากเยอรมันเหมือนเดิม โดยทางเแอลจีให้เหตุผลในการเลือกเลนส์ชนิดนี้ว่าเป็นเลนส์ที่มืออาชีพส่วนใหญ่เลือกใช้กัน
ช่องทางเรียกใช้ฟังก์ชันนี้มีให้เลือกใช้งานได้ 2 ทาง คือ เข้าผ่านทางหน้าเมนูปกติทั่วไป กับกดปุ่มชัตเตอร์ด้านข้างฝั่งขวาตัวเครื่องค้างไว้ โดยฟังก์ชันภายในมีให้เลือกใช้งานทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ โหมดถ่ายภาพนิ่งจากกล้องหลัก, โหมดวิดีโอ และโหมดถ่ายภาพกล้องหน้า ซึ่งรูปร่างหน้าตาอินเตอร์เฟสของฟังก์ชันกล้องนี้ ทำออกมาได้น่าใช้งานทีเดียว มีการออกแบบปุ่มปรับค่าเป็นรูปวงล้อสำหรับใช้ปรับหมุน ให้ความรู้สึกคล้ายกับการหมุนปรับบนกล้องคอมแพกต์จริงๆ
มาดูส่วนประกอบหน้าจอหลักฟังก์ชันถ่ายภาพนิ่งกันก่อนเลยดีกว่า ไล่จากทางด้านซ้ายจะพบเป็นแถบฟังก์ชันเรียงรายให้เลือกอยู่ทั้ง 5 หมวดหลักๆ ไล่จากด้านบนลงด้านล่าง ได้แก่ ประเภทการใช้งาน(IS, อัตโนมัติ, รูปคน, ทิวทัศน์, กีฬา และกลางคืน), ปรับค่าแสงสว่าง EV ได้ตั้งแต่ -2 ถึง +2, แฟลช(อัตโนมัติ, ลดตาแดง, เปิดตตลอด และปิด), ถ่ายภาพระยะใกล้(อัตโนมัติ กับมาโคร), การปรับค่าต่างๆ ซึ่งจะแจกแจงรายละเอียดภายหลัง ส่วนฝั่งขวา ด้านบนสุดเป็นปุ่มย้อนกลับออกจากฟังก์ชันกล้อง ถัดมาตรงกลางเป็นปุ่มสลับเปลี่ยนโหมดระหว่างกล้องถ่ายภาพนิ่ง กับกล้องถ่ายวิดีโอ(กดค้างแล้วเลื่อนขึ้น-ลง) และล่างสุดเป็นปุ่มเข้าสู่คลังภาพ
รู้จักหน้าส่วนประกอบไปครบหมดแล้ว คราวนี้มาดูที่การปรับค่า"โหมดภาพนิ่ง"กันบ้าง ซึ่งมีให้เลือกการตั้งค่าดังต่อไปนี้ ขนาดภาพ [8 ล้านพิกเซล(3264x2448), 5 ล้านพิกเซล(2560x1920), 3 ล้านพิกเซล(2048x1536), 2 ล้านพิกเซล(1600x1200), 1 ล้านพิกเซล(1280x960)], เอฟเฟกต์ (ซีเปีย, โมโน, เนกาทีฟ และพิมพ์นูน), ปรับค่าสมดุลแสง(WB) (อัตโนมัติ, หลอดไฟ, แสงอาทิตย์, ฟลูออเรสเซนต์ และมืดครื้ม), ตั้งเวลา (ปิด, 3 วินาที, 5 วินาที และ10 วินาที)
โหมดช็อต (ปกติ, ต่อเนื่อง, ถ่ายภาพยิ้ม ถ่ายภาพสวยวาม และถ่ายภาพอาร์ต ซึ่งมีให้เลือกปรับย่อยลงไปอีก ได้แก่ ต้นฉบับ ร้อน เย็น และขาวดำ), ค่าความไวแสง ISO (อัตโนมัติ, 100, 200, 400, 800), คุณภาพของภาพ (ละเอียดมาก, ละเอียด, ปกติ), บันทึก (ความจำเครื่อง, ความจำการ์ด), ตั้งหน้าจอ(ภาพเต็ม กับเต็มหน้าจอ), ซ่อนไอคอน (อัตโนมัติ, กำหนดเอง), ป้องกันภาพสั่นไหว(เปิด-ปิด), ตัวเลือกการโฟกัส (สป็อด กับกำหนดเอง), เสียงชัตเตอร์ มีเลือกทั้งหมด 4 เสียง มุมมองกริด (ปิด, 2x2 กริด กับ3x3 กริด), จีโอแท็ก (เปิด-ปิด) รีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด
มาดูส่วนประกอบหน้าจอหลักฟังก์ชัน"โหมดวิดีโอ" กันต่อ ฝั่งซ้ายไล่จากบนลงล่าง ได้แก่ ประเภทการใช้งาน(อัตโนมัติ กับกลางคืน), ปรับค่าแสงสว่าง EV ได้ตั้งแต่ -2 ถึง +2 เหมือนกับกล้องหลัก, แฟลช LED (มีให้เลือกใช้เปิด-ปิด เมื่อเปิดใช้งานไฟจะส่องสว่างคล้ายกับเปิดไฟฉายในที่มืด), ถัดมาเป็นการเลือกปรับสปีดในการถ่ายวิดีโอ(ช้า, ปกติ, เร็ว) ส่วนฝั่งขวามีหลักการทำงานเหมือนกับฟังก์ชันภาพนิ่งทุกประการ โดยไฟล์ที่ได้จากการถ่ายวีดีโอเป็นไฟล์แบบ 3GP สามารถหยุดพักชั่วคราวและบันทึกต่อเนื่องได้เลย
การปรับค่า"โหมดวิดีโอ" มีให้เลือกปรับดังต่อไปนี้ ขนาดไฟล์วิดีโอ มีให้เลือกดังนี้ 720x480 (D1) (25 เฟรมต่อวินาที), VGA 640x480 (30 เฟรมต่อวินาที), QVGA 320x240 (20 เฟรมต่อวินาที) และ176x144 (15 เฟรมต่อวินาที), เอฟเฟกต์ (ซีเปีย, โมโน, เนกาทีฟ และพิมพ์นูน), ปรับค่าสมดุลแสง(WB) (อัตโนมัติ, หลอดไฟ, แสงอาทิตย์, ฟลูออเรสเซนต์ และมืดครื้ม), คุณภาพของภาพ (ละเอียดมาก, ละเอียด, ปกติ), ระยะเวลา(ปกติ, MMS), บันทึก (ความจำเครื่อง, ความจำการ์ด), เสียง(เปิด-ปิด), ซ่อนไอคอน (อัตโนมัติ, กำหนดเอง) และรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด
ส่วน "โหมดกล้องหน้า" สามารถบันทึกภาพได้ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว (ที่ขนาด 320x240 และ176x144) ซึ่งการตั้งค่ามีดังต่อไปนี้ ขนาดภาพสำหรับถ่ายภาพนิ่ง (640x480, 320x240, MMS และรายชื่อ) เอฟเฟกต์สี มีให้เลือกใช้ 3 แบบ ได้แก่ ซีเปีย, โมโน และเนกาทีฟ ส่วนการปรับค่าสมดุลแสง(WB), ตั้งเวลา, คุณภาพของภาพ, แหล่งบันทึก, ซ่อนไอคอน, เสียงชัตเตอร์, มุมมองกริด, จีโอแท็ก, การรีเซ็ตการตั้งค่าทั้งหมด และปรับค่า EV มีให้ปรับค่าเหมือนกับกล้องหลักทางด้านหลังทุกประการ
เมื่อถ่ายภาพเสร็จสามารถกดเข้าไปดูภาพในคลังภาพได้เลย ซึ่งถ้าดูในแนวตั้งคลังภาพจะแสดงอยู่ในรูปของตาราง แต่ถ้าพลิกเครื่องดูในแนวนอน คลังภาพจะแสดงผลในรูปสไลด์แบบ 3D จุดนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว หากเลือกภาพหนึ่งภาพขึ้นมาดูสามารถใช้ระบบ Multi-Touch ซึ่งหมายถึงการใช้งานซูมขยายภาพโดยการจีบถ่างนิ้ว 2 นิ้วเพื่อขยายภาพออก และจีบหุบเข้าเพื่อต้องการย่อรูปให้มีขนาดเล็กลง
***หมายเหตุ สามารถย้อนกลับไปดูวิธีการใช้งานฟังก์ชันนี้ได้ที่นี่ ถึงแม้จะคนละรุ่นแต่ก็ใช้หลักกาารทำงานคล้ายกัน
Music & FM
ไล่มาดูที่ความบันเทิงอย่างอย่าง"เครื่องเล่นเพลง" กับ เครื่องเล่นวิทยุ FM กันบ้าง ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้ 2 ทาง คือ ผ่านทางหน้าโฮมสกรีน(Homescreen)ในหมวดของมัลติมีเดีย ที่เมื่อเรียกใช้งานจะแสดงเป็นเครื่องเล่นฉบับมินิ กับอีกหนึ่งทาง คือ ผ่านทางหน้าจอเมนูรวม หรือหน้าจอมัลติทาสกิ้ง(Multi-Tasking) ซึ่งจะแสดงเป็นเครื่องเล่นฉบับเต็มรูปแบบ
"เครื่องเล่นเพลง" รองรับไฟล์ชนิด MP3, AAC, AAC+, RA และWMA สามารถเลือกประเภทรายการเพลงได้ดังต่อไปนี้ ทุกแทร็ก, เพลงที่เล่นบ่อย, ศิลปิน, อัลบั้ม, แนวเพลง และรายการที่สร้างไว้ เมื่อกดเลือกเพลงที่ต้องการเล่น เครื่องจะแสดงปุ่มควบคุมเครื่องเล่นเพลง มีฟังก์ชันให้เลือกเล่นเพลงซ้ำอยู่ด้านซ้ายสุด (เล่นซ้ำเพลงเดียว เล่นซ้ำทั้งหมด) ส่วนรูปลำโพงด้านขวาสุดใช้สำหรับปรับระดับเสียง ซึ่งปรับได้ทั้งหมด 20 ระดับด้วยกัน ซึ่งเหมือนกับรุ่นอารีนาทุกประการ
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกตั้งเป็นเพลงใช้บ่อยได้ โดยกดรูปดาวซึ่งเลือกได้ทั้งหมด 15 รายการ และสามารถเลือกระบบเสียงแบบ "DOLBY MOBILE" ได้ที่รูปสัญลักษณ์ "DOLBY" สามารถเปลี่ยนธีมกราฟิกพื้นหลังของเครื่องเล่นเพลงได้โดยเลือกที่ตัวแสดงภาพ มีให้เลือกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 แบบ ส่วนอีควอไลเซอร์มีให้มาเลือกปรับกว่า 23 รูปแบบ ได้แก่ ปกติ BOBCAT MOBILE, DOLBY MOBILE, Acoustic, Bass Boost, Classical, Clear, Comfort, Dance, Deep, Electronic, Hip-Hop, Jazz, Latin, Live, Piano, Pop, Pure Bypass, R&B, Rock, Treble, Xtra Bass และVocal ซึ่งอีควอไลเซอร์ไม่สามารถเพิ่มเติมหรือแก้ไขได้เอง
ส่วน"วิทยุ FM" รุ่นนี้ยังคงใช้อินเตอร์เฟสแบบเดียวกับรุ่นอารีนาเช่นกัน หากต้องการใช้งานให้ต่อกับชุดหูฟัง เพื่อเป็นตัวรับสัญญาณเสียก่อนถึงจะรับคลื่นฟังได้ อินเตอร์เฟสของวิทยุออกแบบมาได้น่าใช้งาน สามารถค้นหาาคลื่นได้ตัวเองโดยการเลื่อนปุ่มที่ออกแบบเป็นกราฟิกเสมือนจริง ทำให้รู้สึกเหมือนกับกำลังจูนหาคลื่นบนวิทยุจริงๆ นอกจากนี้ ยังสามารถค้าหาคลื่นแบบอัตโนมัติได้ และสามารถบันทึกสถานีได้สูงสุด 30 สถานีเหมือนเดิม ส่วนเสียงแบบสเตริโอปรับระดับได้ 20 ระดับเหมือนกับเครื่องเล่นเพลง
Internet
ด้านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของ LG Viewty Smart รองรับ GPRS Class 12/EDGE/Wi-Fi/3G ซึ่งต้องบอกว่ารองรับครบครัน สามารถเชื่อมต่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่แน่นอน ส่วนเบราว์เซอร์ที่ให้มาใช้นั้นยังคงใช้ชุดเดียวกับรุ่นอารีนา ทำให้หน้าต่างๆและฟังก์ชันต่างๆเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่หลังจากลองใช้งานเข้าชมหลายๆเว็บแล้วพบว่า มีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อยเรื่องความเร็ว แต่อาการหน่วง หรือค้างยังมีปรากฏบางช่วงขณะ นอกเหนือจากนี้ ยังคงแบบเดิมไม่มีการปรับปรุงใดๆทั้งสิ้น ทั้งการย่อ-ขยายหน้าเว็บแบบมัลติทัช(จีบถ่าง-จีบหุบ) เปิดหน้าเว็บได้ถึง 2 หน้า รวมถึงแสดงผลแนวนอนอัตโนมัติ
Design of LG Viewty Smart GC900
ตัวเครื่อง LG Viewty Smart ถูกออกแบบให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามประสาโทรศัพท์มือถือหน้าจอ 3 นิ้วทั่วไป มุมเครื่องทั้ง 4 ด้าน มีการตัดเฉือนเล็กน้อยดูแปลกตาไปอีกแบบ วัสดุที่ใช้ทำจากพลาสติกเกือบจะทั้งหมด งานประกอบโดยรวมแน่นหนาไม่มีรอยปริแยกให้เห็น ส่วนขนาดของเครื่องลองสัมผัสจับถือ ใส่กระเป๋ากางเกงจัดว่าพอเหมาะพอดีมือ แม้ว่าตัวเครื่องจะดูค่อนข้างใหญ่ก็ตาม โดยตัวเครื่องนั้นมีขนาด 100.8 x 55.8 x 12.4 มม. น้ำหนักอยู่ที่ 90 กรัม มี 2 สีให้เลือก คือ เงิน กับดำ
ด้านหน้า : โดยรวมด้านหน้าออกแบบค่อนข้างเรียบง่าย แต่แฝงความหรูหราเล็กน้อย ไล่จากบนสุดจะพบแถบโครเมียมวางพาดอยู่ ถัดลงมาเป็นลำโพงวางอยู่ตรงกึ่งกลาง ซึ่งเป็นทั้งลำโพงสนทนา และลำโพงเสียง ถัดลงมาจะพบกับโลโก้ยี่ห้อ "LG" วางพาดอยู่ตรงกึ่งกลางเช่นกัน ทางขวาระหว่างลำโพงกับโลโก้จะพบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และใกล้กันเป็นกล้องหน้าขนาดเล็ก ใช้สำหรับ "Video Call" และบันทึกภาพในโหมดกล้อง ใต้โลโก้เป็นหน้าจอแสดงผลแบบ TFT-LCD 16.7 ล้านสี ขนาด 3 นิ้ว (480 x 800 พิกเซล) ซึ่งใช้ยูเซอร์อินเตอร์เฟส S-Class 3D พร้อมระบบมัลติทัช (Multitouch) เหมือนกับรุ่น LG Arena
ใต้จอแสดงผล มีเพียงปุ่ม "Home screen" ปุ่มเดียว ใช้สำหรับยกเลิก หรือย้อนกลับ ซึ่งถูกออกแบบให้วางอยู่บนแถบโครเมียมอีกทีหนึ่ง ถ้าต้องการใช้งานให้กดตรงสัญลักษณ์กลางเครื่อง
ด้านหลัง : เมื่อพลิกดูทางด้านหลังจะพบกับเลนส์ดิจิตอลขนาดเท่าๆกับเลนส์กล้องคอมแพกต์ทั่วไปอยู่มุมบนด้านซ้าย ซึ่งมีข้อความระบุว่าใช้เลนส์ Schneider KREUZNACH - AUTO FOCUS F2.8 วางอยู่รอบตัวเลนส์ เยื้องมาทางขวามีไฟแฟลชแบบ LED สีขาวสำหรับส่องถ่ายภาพตอนกลางคืน ถัดลงมาเป็นส่วนของฝาหลัง ซึ่งมีโลโก้ยี่ห้อ "LG" แกะสลักวางอยู่มุมซ้ายล่าง ส่วนมุมล่างด้านขวามีข้อความการันตีถึงความละเอียดกล้องที่ 8.0 MEGA PIXELS พร้อมกับสัญลักษณ์ DIVX และ Dolby Mobile เพื่อการรันตีคุณภาพเสียงวางเรียงตามลำดับ โดยพื้นผิวทางด้านหลังดูราบเรียบ ไม่มีความเงาทำให้หมดห่วงรอยคราบนิ้วมือ แต่ต้องถือให้มั่นเนื่องจากลื่นได้ง่ายอยู่เหมือนกัน
เปิดฝาหลังออกจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ด ถูกออกแบบให้วางอยู่ตรงกึ่งกลางใต้เลนส์กล้อง ถัดมาด้านล่างเป็นช่องใส่แบตเตอรี่ใหญ่สะดุดตา ซึ่งใช้แบตฯแบบ Li-Ion ขนาด 1,000 mAh
ด้านขวา : ไล่จากด้านบนสุดเป็นช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกต่างๆ ทั้งสายชาร์จแบตเตอรี่, สายเคเบิ้ลเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ รวมถึงชุดหูฟัง และสาย TV-Out ด้วย มีฝาปิดอยู่อย่างมิดชิดโดยบนฝามีสัญลักษณ์กำกับบอกการใช้งานชัดเจน ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และซูมขยายภาพเข้า-ออกในเมนูกล้อง(กดปุ่มเพิ่มค้างสำหรับเปิดไฟแฟลชด้านหลัง และกดปุ่มเพิ่ม 1 ครั้งเพื่อปิดไฟแฟลช ***แต่ต้องทำขณะล็อกเครื่องอยู่เท่านั้น!) และล่างสุดเป็นปุ่มชัตเตอร์พร้อมสัญลักษณ์กล้องบอกอย่างชัดเจน(กดค้างเข้าเมนูกล้อง)
ด้านซ้าย : ไล่จากด้านบนจะพบช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD มีฝาปิดหุ้มมิดชิดพร้อมสัญลักษณ์บอกชัดเจน ซึ่งรอบรับใส่ได้สูงสุด 32 GB ถัดมาเป็นปุ่มมัลติทาสกิง(Multi-Tasking) เพื่อกดเข้าใช้ฟังก์ชัน 3D Cube ที่จะแสดงผลหน้าจอเป็นเมนูรูปลูกบาศก์ 4 ด้าน
ด้านบน และด้านล่าง : ด้านบนไล่จากฝั่งซ้ายเป็นปุ่มล็อก-ปลดล็อกหน้าจอ(กดค้างเปิด-ปิดเครื่อง)มีสัญลักษณ์บอกให้ทราบอย่างชัดเจน ถัดมาฝั่งซ้ายเป็นช่องร้อยสายคล้องมือ-คอ ส่วนด้านล่างไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากรูไมค์สนทนาเท่านั้น
บทสรุป
"LG Viewty Smart" อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นแล้วว่า รุ่นนี้มีลูกเล่นฟังก์ชันต่างๆแทบจะไม่ต่างกับรุ่นอารีนาเลย เพียงแค่มีการอัปความละเอียดกล้องไปที่ระกับ 8 ล้านพิกเซล และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมลูกเล่นบางส่วนเท่านั้น อินเตอร์เฟสการใช้งานยังคงความสวยงามไว้เหมือนเดิม ตอบสนองนิ้วยังไม่ถือว่าลื่นไหลไวทันใจ แต่ก็มีการปรับปรุงให้สามารถตอบสนองได้เนียนขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น
ด้านการใช้งานเริ่มที่การเชื่อมต่อยังคงมีมาให้ใช้กันครบถ้วน การพิมพ์รับ-ส่งข้อความสามารถพิมพ์ได้ 2 รูปแบบเหมือนเช่นเดิม คือ แนวตั้ง แป้นพิมพ์จะเป็นแบบปกติที่เป็นปุ่มกดมาตรฐานบนโทรศัพท์มือถือทั่วๆไป กับแนวนอน เมื่อพลิกเครื่องจะพบกับแป้นพิมพ์เสมือน "QWERTY" แบบ 3 แถว รองรับหลายภาษา รวมถึงมีระบบช่วยสะกดคำแบบ T9 มาให้ช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งหลังการใช้งานแป้นพิมพ์สามารถตอบสนองการใช้นิ้วสัมผัสได้แม่นยำ แต่อาการหน่วงมีปรากฏให้เห็นค่อนข้างชัดเจน
ด้านความบันเทิงเริ่มที่จุดเด่นอย่างกล้องกันก่อน ซึ่งต้องขอชมว่ามีการปรับปรุงใหม่ให้ตอบสนองการใช้งานได้ลื่นขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้จัดว่าดีเลิศเท่าไรนัก ตัวเครื่องพบความร้อนเมื่อใช้งานต่อเนื่องเกิน 10 นาที อาการรวน-ค้างยังมีปรากฏให้เห็นบางช่วงขณะ โฟกัสจับภาพทำได้ไวขึ้นกว่ารุ่นอารีนา สีสันคุณภาพถือว่าตรงกับธรรมชาติ คมชัดไม่แพ้กล้องคอมแพกต์ ส่วนเสียงที่ขับผ่านทางลำโพงด้านหน้าตัวเครื่องอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้ดังมากเท่าไรนัก โทนเสียงใสแบนๆ ถ้าจะให้มีมิติต้องอาศัยฟังก์ชัน "DOLBY MOBILE" เหมือนเดิม ส่วนเสียงสนทนาดังชัดเจนดี
ด้านพลังงานจากแบตฯยังคงใช้พลังงานหนักหน่วงเหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้เมนูกล้องซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นของรุ่นนี้ ทีมงานลองใช้งานติดต่อกันประมาณ 20 นาที พบว่าแบตฯลดลง 1 ขีด ซึ่งถือว่าไวพอสมควร ส่วนการทดลองใช้งานแบบหนักๆทั่วไป โดยฟังเพลง, เซ็ตค่าต่างๆภายในเครื่อง, เชื่อมไว-ไฟเล่นอินเทอร์เน็ต, ถ่ายภาพต่อเนื่องประมาณ 20 นาที พบว่าแบตฯลดลงค่อนข้างไว ใช้งานได้ประมาณ 1 วันพอดิบพอดี
ขอชม
- กล้องฟีเจอร์เด่นประจำเครื่องมีการปรับปรุงให้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
- การวางเลย์เอาท์ของตัวเครื่องทำออกมาได้เหมาะสม โดยดฉพาะการจับถือในท่าถ่ายภาพ
- ถึงแม้จะใช้วัสดุเป็นพลาสติก แต่งานประกอบทำได้อย่างปราณีต
ขอติ
- ด้านหน้าเครื่องมีความมันวาวทำให้เป็นรอยคราบนิ้วมือได้ง่าย
- การตอบสนองเครื่องต่อนิ้วมือสัมผัสยังช้าอยู่ น่าจะปรับปรุงให้ไวกว่าเดิม
- ช่องพอร์ตเชื่อมต่อน่าจะแยกกับช่องต่อหูฟังให้ชัดเจน และช่องต่อหูฟังน่าจะใช้ 3.5 มม.ตามมาตรฐานทั่วไป
Company Related Links :
LG
No comments:
Post a Comment